หลักสูตรเตรียมลูกเสือสำรอง | ||||||
การเตรียมลูกเสือสำรองจะต้อง 1. มีความรู้เกี่ยวกับนิยายเรื่องเมาคลี และประวัติการเริ่มกิจกรรมลูกเสือสำรอง 2. รู้จักการทำความเคารพเป็นหมู่ (แกรนด์ฮาวล์) และระเบียบแถวเบื้องต้น 3. รู้จักการทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย และคติพจน์ของลูกเสือ 4. รู้จักคำปฏิญาณและกฎของลูกเสือสำรอง หลักสูตรลูกเสือสำรองดาวดวงที่ 1, 2 และ 3 จะเห็นได้ว่ามีเนื้อหาเหมือนกันทั้ง 12 เรื่อง แต่ความยากง่ายก็จะสูงขึ้นตามลำดับขั้น (ดูรายละเอียดข้อบังคับว่าด้วยการปกครองหลักสูตร และวิชาพิเศษลูกเสือสำรองประกอบ) ก่อนที่จะเรียนหลักสูตรดาวดวงที่ 1 ต้องเรียนหลักสูตรเตรียมลูกเสือสำรองก่อน และจะต้องผ่านการทดสอบขั้นต้น เพื่อขอรับเครื่องหมายลูกเสือสำรอง ทำพิธีเข้าประกอง จึงจะนับว่าเป็นลูกเสือสำรองโดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีเครื่องหมายลูกเสือสัมพันธ์สำหรับลูกเสือที่พ้นวัยลูกเสือสำรอง และพร้อมที่จะสมัครเข้าเป็นลูกเสือสามัญต่อไป การลูกเสือสำรอง คือ การฝึกอบรมเพื่อให้เกิดการพัฒนาเป็นรายบุคคล และให้เด็กได้เกิดทักษะบางอย่าง ช่วยให้เขาได้พัฒนาในด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถือเป็นเรื่องพิเศษสำหรับลูกเสือสำรองเท่านั้น แต่พึงถือว่าเป็นข้อปฏิบัติต่อเนื่องกันไปในกองลูกเสือสามัญ สามัญรุ่นใหญ่ และวิสามัญ เพื่อจะได้มีโอกาสเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับตนเองมากยิ่งขึ้น การฝึกอบรมลูกเสือสำรองตามหลักสูตรนั้น มีแผนเพื่อก่อให้เกิดความสมดุล ดังนี้ 1. มีการพัฒนาการทางด้านพลานามัย และมีบุคลิกภาพดี 2. สนใจในงานอดิเรกและงานอาชีพ 3. รู้จักบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น 4. ยึดมั่นและปฏิบัติตามคำสั่งสอนของศาสนา การสอนก็ดี การทดสอบก็ดี ไม่ควรดำเนินการตามแบบแผนมากเกินไป แต่ควรกำหนดให้งานเป็นโครงการกิจกรรมที่ตื่นเต้น เหมาะกับวัยของลูกเสือสำรอง และเสนอสิ่งที่ท้าทายให้เขาได้แสดงความสามารถ หลักสูตรลูกเสือสำรองไม่ใช่เครื่องจักร ซึ่งเด็กทุกคนจะต้องทำในกิจกรรมอย่างเดียวกันเพื่อให้ได้มาตรฐานอย่างเดียวกันหมด เมื่อกำหนดกิจกรรมแต่ละอย่างตามที่ต้องการไว้อย่างชัดเจน แล้วเป็นหน้าที่ของผู้กำกับลูกเสือ จะดำเนินตามจุดมุ่งหมายที่จะนำเด็กไปสู่ความสำเร็จด้วยการยืดหยุ่นตามเหตุการณ์ทำให้กิจกรรมลูกเสือสำรองเหมาะกับเด็ก ๆ มากกว่าที่จะทำให้เด็ก ๆ เข้ากับกิจกรรมลูกเสือสำรอง วิธีนี้จะช่วยให้ผู้กำกับได้ฝึกฝนเด็กแต่ละคนด้วยวิธีการของตนเอง ในกองลูกเสือตามกระบวนการของเขา แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องอยู่ในขอบข่ายของหลักสูตรลูกเสือสำรอง ผู้กำกับลูกเสือที่อยู่ในชนบทอาจใช้วิธีการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นนั้นให้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ตัวอย่างเช่น เด็กที่อยู่ในชนบทอาจให้ผู้ปกครองช่วยเหลือจัดทำสมุดสะสมเกี่ยวกับธรรมชาติศึกษาก็ได้ ตรงกันข้ามกับเด็กในเมืองที่ผู้ปกครองไม่สามารถช่วยเหลือได้ เด็กอาจจะไปยืมสมุดภาพจากกองลูกเสือกองใดกองหนึ่งในชนบท นำมาอ้างอิงได้ว่าเขาได้พบเห็นธรรมชาติบ้างที่แตกต่างไปจากของเขา ประการสำคัญอยู่ที่การฝึกเด็กแต่ละคนนั้นให้เหมาะสมกับวัย ความต้องการ ความสนใจและความถนัดของเขา จะช่วยให้เด็กได้พัฒนาตนเอง เรียนรู้ด้วยตนเอง | ||||||
|