ธงชาติไทย | |||||||
| |||||||
กิจกรรมเกี่ยวกับหลักสูตรลูกเสือสำรอง วัตถุประสงค์(ความมุ่งหวัง)์ เพื่อให้ลูกเสือสำรองได้มีความรู้และได้รับการทดสอบเพื่อรับเครื่องหมายดาว - รู้ส่วนประกอบ ความหมาย และวิธีชักธงชาติไทย - รู้ประวัติของธงชาติไทยโดยสังเขป - สามารถร้องเพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมี และรู้จักปฏิบัติเมื่อมีการบรรเลงหรือร้องเพลงชาติไทย หรือเพลงสรรเสริญพระบารมี - รู้จักรักษาคุณค่าของธงชาติและธำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของชาติไทย ธงชาติ คือ เครื่องหมายแทนชาติ แสดงให้รู้ถึงความเป็นเชื้อชาติของชนชาติใดชาติหนึ่ง ซึ่งรวมกันขึ้นเป็นกลุ่มก้อน เป็นหมู่ เป็นคณะ ใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงความมีอิสรภาพ เกียรติ อำนาจ และการคุ้มครองอาณาบริเวณของแต่ละชาติ ชาติเอกราชเท่านั้นที่มีธงประจำชาติได้ ส่วนประกอบ ธงชาติไทยเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 6 ส่วน ยาว 9 ส่วน ด้านกว้างแบ่งเป็น 6 ส่วนเท่า ๆ กัน 2 ส่วนตรงกลางเป็นแถบสีขาบหรือสีน้ำเงินต่อจากสีน้ำเงินออกไป 2 ข้าง ๆ ละ 1 ส่วน เป็นแถบสีขาว ต่อจากแถบสีขาวเป็นสีแดง รวมเป็น 3 สี เรียก ธงไตรรงค์ ความหมาย - สีแดง เป็นสีของเลือด แทนชาติ ซึ่งบรรพบุรุษของเราได้ยอมเสียสละชีวิตและเลือดเนื้อฟันฝ่าข้าศึกศัตรู รักษาแผ่นดินให้คงอยู่เป็นปึกแผ่นมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ - สีขาว เป็นสีแห่งความบริสุทธิ์สะอาด แทนศาสนา อันเป็นที่เคารพสักการะของเรา ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคน คำสอนของศาสนาทำให้ผู้ประพฤติปฏิบัติตาม กระทำด้วยความบริสุทธิ์สะอาดทั้งกาย วาจา ใจ - สีน้ำเงิน (หรือสีขาบ) เป็นสีแห่งความเป็นใหญ่ สมมติแทนองค์พระมหากษัตริย์ ผู้เป็นประมุขของชาติไทย ซึ่งเป็นที่รวมจิตใจของคนทั้งชาติ (เป็นสีแห่งวันประสูติของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงประกาศใช้ ธงไตรรงค์ เป็นธงชาติไทย) วิธีชักธงชาติไทย จัดลูกเสือหมู่บริการ 2 คน ไปเชิญธงชาติให้เดินไปยังเสาธง หยุดยืนห่างเสาธงประมาณ 3 ก้าว ทั้ง 2 คน ทำวันทยหัตถ์พร้อมกัน แล้วคนหนึ่ง (ควรเป็นคนทางขวามือ) ก้าวไปข้างหน้า 2 ก้าว (ห่างจากเสาธงประมาณ 1 ก้าว) ยืนเท้าชิดกัน แก้เชือกที่ผูกธงออกแล้วถอยหลังกลับที่เดิม ผู้กำกับสั่งทำความเคารพ แพ็ค-วันทยหัตถ์ หมู่บริการนำร้องเพลงชาติ 2 คนช่วยกันเชิญธงขึ้น (ผืนธงอยู่ทางขวาของผู้เชิญ) พอธงชาติขึ้นถึงยอดเสาแล้ว ให้คนหนึ่งนำเชือกไปผูกติดกับเสา (มักใช้คนเดิมที่ไปแก้เชือก) อีกคนหนึ่งยืนคอยในท่าตรง เมื่อผูกเชือกเสร็จแล้วให้ถอยหลังมาเข้าที่เดิม ทั้ง 2 คนทำวันทยหัตถ์พร้อมกัน แล้วลดมือลง กลับหลังหันวิ่งไปเข้าที่ของตนในแถว ทำวันทยหัตถ์เหมือนลูกเสือในแถว ซึ่งยังทำวันทยหัตถ์อยู่ ผู้กำกับสั่ง มือลง ลูกเสือจึงลดมือลงพร้อมกัน ประวัติธงชาติไทยโดยสังเขป ธงชาติไทยแต่โบราณมีกล่าวไว้ตามหนังสือวรรณคดีต่าง ๆ ว่า เป็นรูปธงสามชายปลายงอนเป็นกนก และมักมีสีต่าง ๆ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช) ไทยเราได้ใช้ธงสีแดงล้วนเป็นสีประจำชาติ ครั้นมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (รัชสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1) วิวัฒนาการเกี่ยวกับธงได้ก้าวเข้ามาสู่อารยธรรมแผนใหม่ คือ เปลี่ยนรูปลักษณะ เปลี่ยนสี มีการประดับประดาเครื่องหมายประกอบ ให้ดูงาม และมีความหมายเกี่ยวกับราชสกุลวงศ์ คือ มีรูปจักรอยู่ตรงกลางผืนผ้าสีแดง (รูปจักรหมายถึงองค์พระมหากษัตริย์) ต่อมาในสมัยสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ได้ช้างเผือกอันมีลักษณะงามประเสริฐมาสู่พระบารมีถึง 3 เชือก ซึ่งนับเป็นพระเกียรติยศสูงยิ่ง จึงโปรดเกล้าฯ ให้เพิ่มรูปช้างสีขาว งาคู่ ไว้ในกลางวงจักรบนผ้าผืนสีแดง ส่วนเรือเดินทะเลไทยก็ยังคงใช้ธงสีแดงอยู่ตามเดิม เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 4 สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เรือที่เข้ามาค้าขายติดต่อก็พลอยชักธงชาติของไทยไปด้วย รัชกาลที่ 4 จึงทรงให้เปลี่ยนธงเสียใหม่ โดยให้เอารูปจักร (ซึ่งเป็นเครื่องหมายเฉพาะองค์ พระมหากษัตริย์) ออกเสีย จนมาถึงรัชกาลที่ 5 ต่อรัชกาลที่ 6 ก็ได้มีการตราพระราชบัญญัติธงขึ้นใช้ในราชการ และทำให้มีธงต่าง ๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย เช่น ธงประจำพระองค์ ธงประจำกอง ธงประจำตำแหน่ง ธงราชนาวี ฯลฯ เป็นต้น ในรัชกาลที่ 6 (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) พ.ศ. 2459 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 พระองค์ได้ทรงดำริจะนำกองทัพไทยเข้ากับฝ่ายพันธมิตรร่วมทำสงครามด้วย จึงทรงเห็นว่าชาติไทยควรมีธงชาติตามแบบอย่างอารยประเทศประการหนึ่ง กับมีเหตุผลพิเศษส่วนพระองค์ที่เห็นความไม่เหมาะสมสำหรับธงชาติไทยที่มีรูปช้างอยู่บนธงด้วยอีกประการหนึ่ง พระองค์จึงทรงดัดแปลงชาติจากรูปช้างเผือกพื้นแดงมาเป็นธง 2 สี 6 ส่วน คือ แถบแดง ขาว แดง แดง ขาว แดง ใช้เป็นการทดลองอยู่ปีหนึ่ง พอถึงปี 2460 จึงได้ทรงเปลี่ยนธงชาติใหม่โดยให้เพิ่มสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีประจำพระชนมาวารเฉพาะพระองค์ขึ้นอีกสีหนึ่ง และให้ทำเป็นแถบใหญ่อยู่ตรงกลางอย่างที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้ และให้ชื่อว่า ธงไตรรงค์ (ธงสามสี)
| |||||||
|